


ใช่ ป้ายทั้ง 2 ป้ายมีความหมายเดียวกัน คือบอกว่าเด็กขอทานนั่นตาบอด แต่ป้ายอันหลังบอกกับผู้คนว่าคุณ ๆ ช่างโชคดีเหลือเกินที่ตาของคุณไม่บอด (ในทางจิตวิทยาข้อความหลังให้ความสำคัญกับผู้อ่านมากกว่า คนจึงสนใจ โดยธรรมชาติมนุษย์สนใจตัวเองก่อนคนอื่น เช่น เวลาเราดูรูปหมู่เราจะดูรูปตัวเองก่อน-ผู้เขียน)
คติจากเรื่องนี้คือจงขอบคุณในสิ่งที่คุณมีอยู่ จงสร้างสรรค์ และนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ คิดแตกต่าง และ คิดด้านบวก เชื้อเชิญผู้คนให้พบกับสิ่งที่ดีและความรู้ มีชีวิตอยู่โดยปราศจากข้อแก้ตัวใด ๆ รักโดยไม่ต้องเสียใจ เมื่อชีวิตมีเหตุผลเป็นร้อยที่ทำให้คุณต้องร้องไห้ แสดงให้ชีวิตเห็นว่าคุณมีเหตุผลเป็น พัน ๆที่จะยังยิ้มอยู่ได้ เผชิญกับอดึตอย่างไม่ทุกข์โศก ดูแลปัจจุบันของคุณอย่างมั่นใจ ตระเตรียมสำหรับอนาคตโดยไม่หวาดกลัว อย่ากลัวจงมีศรัทธา
มหาบุรุษพูดไว้ว่าชีวิตเป็นกระบวนการของการซ่อมและสร้างใหม่อย่างไม่รู้จบ ละความชั่ว สร้างความดี ถ้าต้องการดำเนินชีวิตอย่างไม่หวาดกลัว
แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่า คือ...
การได้รู้ว่า เราคือเหตุแห่งรอยยิ้มนั้น