วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

(คน)เขียนดี (คน)อ่านก็มีความสุข

... เป็นเรื่องของเด็กขอทานตาพิการ ติดป้ายบอกผู้คนที่เดิมผ่านไปมาว่า “ช่วยผมด้วย ผมตา บอด” มีเหรียญอยู่ไม่กี่เหรียญในหมวกของเขา
ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาบริจาคเงินให้แก่เด็กชาย ชายคนนั้นหยิบป้ายที่เด็กติดไว้ขึ้นมา เขาหมุนป้ายไปมา(เหมือนใช้ความคิด) และเขียนข้อความในป้ายเสียใหม่ แล้ววางป้ายไว้ในที่ที่ทุกคนมองเห็น ในไม่ช้าผู้คนที่ผ่านไปมาก็บริจาคเงินให้เด็กชายจนเต็มหมวก


บ่าย ๆ ชายคนเดิมเดินผ่านมาอีกครั้ง เด็กตาบอดจำเสียงฝีเท้าของชายคนนี้ได้ จึงร้องถามว่าเมื่อเช้าชายคนนั้นเป็นคนเปลี่ยนข้อความในป้ายใช่หรือไม่ และเขาเขียนข้อความอะไรที่ป้ายนั่น ชายผู้นั้นตอบว่า ฉันก็เขียนไปตามความเป็นจริง เขียนเหมือนที่เธอเขียน แต่ด้วยคำพูดที่ต่างออกไป ฉันเขียนว่า “วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงามเสียจริง แต่ผมไม่อาจมองเห็นความสวยงามนั้นได้”
ใช่ ป้ายทั้ง 2 ป้ายมีความหมายเดียวกัน คือบอกว่าเด็กขอทานนั่นตาบอด แต่ป้ายอันหลังบอกกับผู้คนว่าคุณ ๆ ช่างโชคดีเหลือเกินที่ตาของคุณไม่บอด (ในทางจิตวิทยาข้อความหลังให้ความสำคัญกับผู้อ่านมากกว่า คนจึงสนใจ โดยธรรมชาติมนุษย์สนใจตัวเองก่อนคนอื่น เช่น เวลาเราดูรูปหมู่เราจะดูรูปตัวเองก่อน-ผู้เขียน)
คติจากเรื่องนี้คือจงขอบคุณในสิ่งที่คุณมีอยู่ จงสร้างสรรค์ และนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ คิดแตกต่าง และ คิดด้านบวก เชื้อเชิญผู้คนให้พบกับสิ่งที่ดีและความรู้ มีชีวิตอยู่โดยปราศจากข้อแก้ตัวใด ๆ รักโดยไม่ต้องเสียใจ เมื่อชีวิตมีเหตุผลเป็นร้อยที่ทำให้คุณต้องร้องไห้ แสดงให้ชีวิตเห็นว่าคุณมีเหตุผลเป็น พัน ๆที่จะยังยิ้มอยู่ได้ เผชิญกับอดึตอย่างไม่ทุกข์โศก ดูแลปัจจุบันของคุณอย่างมั่นใจ ตระเตรียมสำหรับอนาคตโดยไม่หวาดกลัว อย่ากลัวจงมีศรัทธา
มหาบุรุษพูดไว้ว่าชีวิตเป็นกระบวนการของการซ่อมและสร้างใหม่อย่างไม่รู้จบ ละความชั่ว สร้างความดี ถ้าต้องการดำเนินชีวิตอย่างไม่หวาดกลัว
คุณต้องมีความรู้สึกดีงามในใจ
สิ่งที่สวยงามที่สุดคือรอยยิ้มของผู้คน
แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่า คือ...
การได้รู้ว่า เราคือเหตุแห่งรอยยิ้มนั้น

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กาละพัฒน์

กาละพัฒน์ ชื่อนี้มีความหมาย

นัยยะที่หนึ่ง หมายถึง ความงอกงามตามกาลเวลา

นัยยะที่สอง หมายถึง การออกมานอกกะลา เพื่อชื่นชมโลกที่ยิ่งใหญ่ โดยปราศจากความกลัว ความทุกข์ และมีความสุข

จากความหมายดังกล่าวจึงเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับบุคลากรในโรงเรียนทุกคนที่ต่างเป็นทั้งผู้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเป็นผู้สอนในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะทำให้เข้าใจชีวิต และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มากขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มุมการเรียนรู้


การจัดสภาพแวดล้อมให้กับเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยส่งเสริมพัฒนาการ ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา หากจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะเอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งการจัดสภาพแวดล้อมให้กับเด็ก นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับวัยและธรรมชาติของเด็ก


การจัดมุมเสริมทักษะ และการพัฒนาเด็ก (มุมประสบการณ์)
มุมเสริมทักษะและการพัฒนาการเด็กหรือมุมประสบการณ์ เป็นสถานที่จัดไว้ในห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้เล่นสื่อและเครื่องเล่นประเภทต่างๆ โดยมุมเสริมทักษะและการพัฒนาการเด็ก (มุมประสบการณ์) จะมีสื่อและเครื่องเล่นจัดไว้ให้เด็กได้เล่น ซึ่งแต่ละมุมประสบการณ์จะมีลักษณะแตกต่างกัน ภายในห้องเรียนควรจัดมุมประสบการณ์ให้เด็กเล่นอย่างน้อย 5 มุมประสบการณ์ ทั้งนี้ ควรจัดมุมสงบกับมุมที่ส่งเสียงดัง ไว้ห่างกัน มุมที่เด็กต้องใช้สมาธิในการเล่นหรือทำกิจกรรมควรอยู่ใกล้กัน มุมที่เล่นแล้วทำให้เกิดเสียงดังก็ควรอยู่ใกล้กัน เช่น มุมหนังสือกับ มุมเกมการศึกษาอยู่ใกล้กันได้ มุมศิลปะกับมุมบล็อกอยู่ใกล้กัน เป็นต้น

เรื่องของดินสอกับยางลบ






ทำไมบนดินสอถึงต้องมียางลบ ?




...เป็นคำถามที่บางคนบอกว่าไร้สาระมากเอามาถามทำไม...

บางคนก็ตอบว่า ก็เอาไว้กัดเล่น บ้างก็ว่ามีไว้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

แต่คำตอบที่แท้จริงนั้นกลับแฝงไปด้วยแง่คิดและเหตุผลของมัน...คำตอบคือ

...คนเราสามารถผิดพลาดกันได้....

เมื่อคนเรามีข้อผิดพลาด ก็สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ โดยการลบแล้วเขียนขึ้นใหม่ ตั้งใจ และพยายามมากขึ้นแต่ก็ไม่ควรให้ยางลบหมดก่อนดินสอ...เพราะมันบ่งบอกถึงความผิดพลาดที่มีมากมายจนเกินไป...

นี่คือเรื่องราวของดินสอและยางลบ

ดินสอแท่งนั้น กับ ยางลบก้อนนั้นเป็นเพื่อนกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรก็ทำด้วยกัน หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอที่อยู่กับยางลบ หน้าที่ของยางลบคือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา ผ่านไปนานหลายสิบปีทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมตลอดเวลา จนกระทั่งดินสอเอ๋ยกับยางลบว่า "เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว" ยางลบจึงถามว่า "ทำไมละ" ดินสอจึงตอบกลับไปว่า "เราเขียนแล้วนายลบมันก็ไม่เหลืออะไรเลย" ยางลบจึงเถียงกลับไปว่า "เราทำหน้าทีของเรา เราไม่ผิด" ทั้งคู่จึงแยกทางกัน ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจมากที่ได้เขียนอะไรก็ได้ตามใจมัน แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวย ๆ ที่มันเคยเขียนได้ก็เริ่มสกปรกมีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ... ยางลบพอมันแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไปมันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึงดินสอจับใจ...
ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งดีดี...ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะสิ่งที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น


ขนมต่างๆ จากกล้วย





กล้วยฉาบ กล้วยแขก และตำปลีกล้วย อีกหนึ่งชิ้นผลงานเด่นของพี่่ๆอนุบาล 2

ประโยชน์จากการฝึกให้เด็กได้ทำอาหาร

1. เป็นการสร้างความสนุกสนาน

2.การเรียนรู้เหตุผลและกระบวนการ อย่างน้อยที่สุดเด็กจะได้เรียนรู้ว่าอาหารนี้ี้
มีที่มาที่่ไปอย่างไรต้องผ่านขั้นตอนอย่างไรบ้างกว่าจะออกมาหน้าตาอย่างที่เห็น เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องเหตุและผล ได้เรียนรู้เรื่องกระบวนการ ที่เป็นขั้นตอน

3. เป็นการฝึกทักษะการใช้มือ การได้นวดได้ปั้น การหยิบช้อนตักหรือคนอาหาร

4.ได้เรียนรู้เรื่องการเข้าสังคมการช่วยเหลือเกื้อกูล และกระบวนการทำงานเป็นทีม

5.ฝึกให้มีความรับผิดชอบ การทำอาหารคือการฝึกความรับผิดชอบให้เด็กๆ เด็กๆจะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำนี้ อีกสักครู่หนึ่งจะกลายเป็นอาหารหนึ่งจานที่เป็นฝีมือของพวกเขาเอง เด็กๆ จะตั้งใจทำ

6.ฝึกความมีระเบียบวินัยเตรียมภาชนะสำหรับใส่เศษอาหาร เตรียมกะละมังใส่ถ้วยชามที่ใช้แล้ว

7.ฝึกความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นตัวของตัวเอง เช่น การหั่นกล้วย การเติมส่วนผสม เครื่องปรุงแต่ง ตามความชอบและจินตนาการของเขาเอง

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ละครปรับพฤติกรรม

วันนี้คณะครูโรงเรียนกาละพัฒน์ได้สร้างสรรค์ละครเพื่อปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเลือกรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ สามารถชมละครและร่วมแสดงความคิดเห็น
ได้ที่นี้ค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทาน


ปัจจุบันนิทานนับเป็นเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาไอคิวและอีคิวของเด็กให้สูงขึ้น เพราะนิทานนอกจากจะช่วยพัฒนาทักษะการฟัง การพูด ให้ความรู้ความสนุกสนาน จินตนาการแก่เด็กแล้ว นิทานยังช่วยฝึกสมาธิให้เด็กรู้จักสำรวมใจให้จดจ่ออยู่กับเรื่องที่ฟัง ซึ่งเป็นพื้นฐานการเตรียมความพร้อมด้านการอ่านหนังสือ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เด็กไปพร้อมกันส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการไอคิว อีคิวที่ดีตามมา

การเตรียมความพร้อม และพัฒนาสมองของเด็ก โดยคุณครูหรือพ่แม่สามารถกระทำได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก อ่านหนังสือหรือเล่านิทานด้วยคำพูดของเราเอง ด้วยภาษาที่ดีจากหนังสือภาพ เด็กก็จะรับรู้ภาษา และความรู้สึกผ่านการออกเสียงของคนเล่า

เทคนิคการอ่านนิทาน
เพียงแค่จับหนังสือให้อยู่ในระดับสายตาของเด็ก ให้เด็กได้เห็นหนังสือทุกส่วนมากที่สุด

การอ่านจะทำให้เด็กรู้จักและเข้าใจภาษาทางวรรณกรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นภาษาที่สวยงาม เช่นคำว่า ตะวันลับขอบฟ้า ธารน้ำใส ขณะที่อ่านควรอ่านออกเสียงให้ดังพอประมาณให้เด็กได้ยิน และที่สำคัญควรอ่านให้ถูกอักขระออกเสียงให้ชัดเจน ทั้งตัว ร, ล และคำควบกล้ำ ควรออกเสียงให้ถูกต้อง เพราะเด็กจะได้ฟังภาษาที่ถูกต้อง

ควรอ่านด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวา เหมือนกับตัวละครมากที่สุด การดัดเสียง หากทำให้อักขระผิดเพี้ยนไปก็ไม่ควรดัดเสียง เพราะเด็กจะไม่ได้รับประโยชน์ และผู้อ่านหนังสือจะเบื่อเสียเอง

การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ควรอ่านให้เนื้อเรื่องติดต่อกันไปตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ควรหยุดเพื่ออธิบายหรือสอนอะไรมาก เพราะเด็กจะเกิดความเบื่อหน่าย และไม่มีสมาธิต่อเนื่อง

การเรียนรู้และพัฒนาคุณครู จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การไหว้


การไหว้ เป็นวัฒนธรรมอันดีงามของเมืองไทย

เมื่อพบเจอกันเราทักทายกัน ด้วย การสวัสดี

เมื่อมีคนทำให้เรารู้สึกพึงพอใจ เราก็พนมมือไหว้

การไหว้จะทำให้มนุษย์เคารพตัวเองและย่อมรับบุคคลอื่น

การไหว้ไม่ต้องซื้อและไม่มีขาย อยากได้ช่วยกันสร้างเอง

วัฒนธรรมอันดีนี้ มาช่วยกันสืบทอดให้คงอยู่ตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กีฬาสี "สานสัมพันธ์"

โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาได้จัดกิจกรรม "สานสัมพันธ์ครอบครัวลำปลายมาศ" เป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี เพื่อให้เด็กๆ ผู้ปกครองและคณะครู ได้สานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

กิจกรรมที่ทำจะมีการแข่งกีฬาประเภทต่างๆ การเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย และผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิต






การแสดงเปิดสนามของนักเรียนสภา










ผู้ปกครองและครูร่วมกันแข่งกีฬาสกีบก

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คุณครูคนใหม่(ครูนิก)



ชื่อ นางสาววรรธนา
นามสกุล แดงทองเกลี้ยง
ชื่อเล่น ครูนิก
วัน เดือน ปีเกิด ๑๘ กันยายน ๒๕๒๙
ภูมิลำเนา ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา
ที่อยู่ปัจจุบัน ๙๕ หมู่ ๑ ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ๘๓๐๐๐
การศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านตาชี
มัธยมศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา
อุดมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต วท.บ. สาธารณสุขชุมชน

ประวัติการทำงาน TAKUAPA X-RAY COMPUTER จ.พังงา สำนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงาน

ผลงานที่น่ารักนี้ เกิดจากการสร้างสรรค์ของเด็กตัวเล็กวัยอนุบาล 1
เป้าหมายที่ทำ คือ ความรู้สึก
เพียงแค่เด็กๆ ได้ทำตามความรู้สึกของตัวเอง ชอบอะไร หรือคิดถึงอะไร ก็ทำอย่างที่คิด
เจ้าของผลงานเล่าว่า "นี่เป็นเจ้าแมลงคราม ผมเห็นมันที่ต้นไม้ข้างๆ ทาง มันใช้เขาต่อสู้กันอยู่บนต้นไม้ ใช้เขางัดกันไปมาอยู่บนกิ่งไม้เล็ก แต่ไม่มีตัวไหนตกลงมาเลย ตัวมันสีดำๆ ลื่นๆ "
เขาปั้นไปยิ้มไป ชวนเพื่อนคุยถึงเจ้าสิ่งนี้อย่างมีความสุขระหว่างที่นิ้วมือน้อยๆ กำลังบีบดินน้ำมันให้เป็นรูปร่างของประสบการณ์

ผลงานที่ออกมา คือความภูมิใจในความมุ่งมั่นตั้งใจของตนเอง ความสุขที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ออกมาเป็นรูปร่าง
"ประสบการณ์ช่วยสร้างสรรค์ผลงาน"

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปณิธานครู


ปณิธาน หมายถึง ความตั้งใจจริงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยความปรารถนาอยางแรงกลาที่จะบรรลุจุดหมาย ซึ่งกอใหเกิดพลังจิตที่จะกําหนดความคิดและการกระทําของตนเอง ซึ้งคุณครู ณ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา มีปณิธานร่วมกัน ดังนี้

1. ย้อนคิดถึงวัยเด็กว่าเราอยากได้ครูอย่างไร เราก็ปฏิบัติอย่างนั้น

2. รักเด็กทุกคนให้เกียรติ หาข้อดี และเสริมพลังให้เป็นคนดีมากยิ่งขึ้น

3. ไม่ยอมปล่อยให้เด็กในห้องล้มเหลวแม้แต่คนเดียว

4. ไม่ยอมปล่อยให้เวลาสูญเปล่า พัฒนาตัวเองให้เป็นครูที่ดียิ่งขึ้นปณิธาน หมายถึง ความตั้งใจจริงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยความปรารถนาอยางแรงกลาที่จะบรรลุจุดหมาย

5. เป็นครูที่ดีไม่ได้เราจะไปทำอาชีพอื่น


วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สดใสวัยอนุบาล


"…ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม
ในวันหนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ
ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้
โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย
เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ เอาไว้…"

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ก้าวย่างอย่างมีสุข

การเดินเล่น...ผู้ใหญ่อาจมองว่าไร้ค่า แต่สำหรับเด็กๆ แล้วมันมีความหมายมากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจ

......................."ก้าวย่างอย่างมีสุข"...........................

อุดมไปด้วยการพัฒนา กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็กทำงานอย่างเต็มที่จากการก้าวเดิน แกว่งแขน กระโดด บางครั้งก็วิ่ง การหยิบจับวัตถุต่างๆ ที่พบระหว่างทาง เกิดการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือและตาทำงานเชื่อมโยงกัน

ในทางสังคมเด็กๆ ได้เดินจับมือกับเพื่อนที่ตนเองรัก ได้พูดคุย แสดงความคิดเห็นในเรื่องราวต่างๆ ผลัดกันเล่า ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน อาจถกเถียงกันบ้างในบางประเด็น ทำให้เกิดความเข้าใจและรู้จักกับตัวตนของแต่ละคนมากขึ้น

เรียนรู้คณิตศาสตร์ จากการได้สลับตำแหน่งกันบ้างจากการเดินแซงหน้าเพื่อน มีการเดินเร็วขึ้นเมื่อกลุ่มที่อยู่ข้างหน้ากำลังมุงดูอะไรสักอย่าง และเดินช้าลงเมื่อพบกับสิ่งที่น่าสนใจระหว่างทาง

เรียนรู้วิทยาศาสตร์จากธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต บางครั้งก็พบปูนาเดินหลงทางมาให้เด็กๆ ได้นับขากัน หอยเชอรี่ออกไข่สีชมพูสวยเป็นแพเกาะไว้ที่ต้นเผือกริมทาง หอยทากกำลังคลานขึ้นต้นไม้อย่างตั้งใจ


เด็กๆ มีความสุข ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์จากสายลมเย็นที่พัดผ่านมา ได้รับพลังจากแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี มีประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดกับกิจกรรมต่อไปได้เป็นอย่างดีค่ะ

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปัญหามีไว้แก้


ตอนเด็กๆ หากมีใครเอาเชือกที่พันกันยุ่งมาให้เราแก้ เราก็มักหัวเสียกับเชือกที่พันยุ่งเหยิง ยิ่งแก้ก็ยิ่งอารมณ์เสีย หรือบางคนอาจร้องห่มร้องไห้ และจะเอาเชือกที่พันไปให้ผู้ใหญ่ช่วยแก้ให้


น้องบาสนักเรียนชั้นอนุบาล 1 คนนี้ก็เหมือนกัน น้องบาสได้เอาเชือกที่เดินกะลาที่พันกันยุ่ง มาให้คุณครูช่วยแก้ให้ คุณครูได้ถามน้องบาสกลับว่า ที่เดินกะลานั้นใครเป็นคนเล่นนะ คนที่เล่นจะต้องทำเขาจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะย้อนถามตัวเอง และเขาก็จะแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเขาเอง เพียงแค่คุณครูคอยให้กำลังใจเขา และบอกว่าหนูทำได้ เขาก็จะเกิดแรงกระตุ้นที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง


ปัญหาของเด็กในบางครั้ง ผู้ใหญ่ควรเปิดโอกาสให้เด็กแก้ปัญหาเอง เพียงแค่เราช่วยเสริมแรงโดยการให้กำลังใจเขาก็พอ.................

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เข้าใจวัยอนุบาล


ตามพัฒนาการเด็ก ๆ วัยนี้จะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบการค้นหา ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ได้เกรงกลัวกับอันตรายใดๆ เลย ดังนั้นวิธีการเรียนรู้สำหรับวัยเด็กอนุบาลที่เหมาะสม ควรเป็นการได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง ซึ่งการได้ปฏิบัติจริงจะส่งผลให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และเข้าใจในเรื่องเหล่านั้น เช่น ในวันเกี่ยวข้าวของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา เด็กๆ ได้ทำปี่ซังข้าวเป่าเล่นสนุกสนาน โดยใช้เคียวเกี่ยวข้าวตัดต้นซังข้าวหรือตอต้นข้าวที่เกี่ยวรวงแล้ว นำส่วนโคน มา1ปล้อง ให้มีข้อปล้องซังข้าวด้านหนึ่งใช้เคียวเฉือนแฉลบทำเป็นลิ่นปี่เพื่อ ใช้เป่าให้เกิดเสียงดังลิ้นปี่ซังข้าวจะต้องคอยดึงกว้างเพียงเล็กน้อย ลมที่เป่าจะเข้าไปในรูซังข้าวทำให้เกิดการเสียดสี ซึ่งทำให้เกิดเสียงและหากจะให้มีเสียงเป็นจังหวะมีเสียงระดับสูงต่ำแล้ว เด็กจะใช้มือ 2 ข้างประกบหุ้มปี่ซังข้าวขยับปลายมือเป็นจังหวะ เสียงปี่จะไพเราะยิ่งขึ้น

จากการเล่นปี่ซังข้าวในวันนั้น เด็กๆ สามารถบอกวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำ อธิบายขั้นตอนและวิธีการเล่นได้อย่างดี โดยที่เด็กๆ ได้ใช้กระบวนการ เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงจนเกิดความเข้าใจ

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขนมรำหมกกล้วย


อาจารย์นฤมลและคุณครูอ้นได้มาช่วยเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา และท่านทั้งสองยังมีน้ำใจทำขนมรำหมกกล้วยมาฝากคุณครูทุกคน
โดยมีส่วนประกอบ วิธีทำและคุณค่าทางด้านโภชนาการดังนี้
ส่วนผสม
กล้วยน้ำหว้าสุก 1 หวี (หรือประมาณ 13-14 ลูก)
รำข้าว 1 ขีด (ถ้าใช้รำข้าวใหม่จะมีกลิ่นหอม)
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
อุปกรณ์สำหรับห่อ
ใบตอง ,ไม้กลัด
วิธีทำ
1. เนื้อกล้วยน้ำว้านำไปบด หรือปั่นให้ละเอียด
2. ร่อนรำข้าวด้วยตะแกรงร่อนแป้ง เพื่อนำส่วนที่ละเอียดไปใช้
3. ผสมรำข้าวและเกลือป่นลงในกล้วย คลุกเคล้าให้เเป็นเนื้อเดียวกัน
4. ตักใส่ใบตอง ห่อแบบขนมจาก ใช้ไม่กลัด กลัดปิดหัว-ท้าย
5. นำไปปิ้งไฟอ่อนๆจนมีกลิ่นหอม
คุณค่า รำข้าวอุดมด้วย
1. วิตามินที่ละลายน้ำได้ เช่น วิตามินบีรวมช่วยบำรุงประสาท ป้องกันแหนบชา กระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย
2. วิตามินที่ไม่ละลายน้ำ เช่น วิตามินอีธรรมชาติ แกมมาโอริซานอล ช่วยให้ผิวยีดหยุ่น ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ชะลอวัย ต้านการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ลดการตีบตันของหลอดเลือด
3. สารฟลอโฟลิปิค เช่น เลซิตินช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวและเซลล์ประสาท ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความจำ
4. แร่ธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เพื่อเพิ่มพลังงาน เพื่อการเผาผลาญ เสริมสร้างการเจริญเติบโตของสมอง เพิ่มการทำงานของระบบฮอร์โมน
กล้วยนำว้า คุณค่าสำคัญ คือมีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ ต่อการเจริญเติบโตในเด็ก มีวิตามินเอ บี และแร่ธาตุ เช่น แมกนีเซี่ยม โพแทสเซียมช่วยป้องกันโรคความดัน

ข้าว



ข้าวเอยข้าวสุก ต้องกินทุกบ้านทุกฐานถิ่น
กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี
ต้องทนแดดทนฝนทนลมหนาว กว่าจะได้ข้าวจากนามาถึงนี่
คนกินข้าวควรคิดดูให้ดี ว่าผู้มีคุณแก่เราคือชาวนา
ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่าง ไม่กินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า
ผู้คนอดอยากมีมากหนักหนา สงสารบรรดาเด็กไม่มีกิน

บทความนี้เด็กจะได้ระลึกถึงก่อนรับประทานอาหารกลางวันเป็นประจำ ซึ่งในทุกคำของบทความ เด็กๆ รับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การไถนา หว่านกล้า ดำนา เกี่ยวข้าว นวดข้าวและหุ่งข้าว ดังนั้น เด็กๆ จึงรู้คุณค่าของข้าวเป็นอย่างดี ขอบคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้รับประทานค่ะ

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อาหารจากธรรมชาติ



กล้วย เป็นอาหารจากธรรมชาติที่ผู้ใหญ่ใจดี แบ่งปันมาให้เด็กๆไว้รับประทาน หลังจากที่เหนื่อยจากการทำกิจกรรม

กล้วยยังมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้น ยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สมองกับการเรียนรู้


จากการศึกษาเรื่องสมองกับการเรียนรู้
คุณครูได้ร่วมมือกันค้นคว้าหาข้อมูล รวบรวมและจัดระเบียบข้อมูล แล้วนำเสนอให้คณะคุณครูร่วมฟัง ซักถาม และเสนอแนะเพิ่มเติมในสิ่งที่ยังไม่ครอบคลุม
ทำให้คุณครูเข้าใจระบบการทำงานของสมองว่ามีความสอดคล้องกับการเรียนรู้ของเด็กอย่างไร
เมื่อครูเกิดความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว ก็จะสามารถคิดรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กให้เกิดความพร้อมในทุกๆ ด้านให้เต็มตามศักยภาพของเด็ก

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รู้จักกันฉันพี่น้อง

เมื่่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีคำถามว่า
"จะทำอย่างไรให้รู้จักกันให้มากที่สุด"


คุณครูจึงเลือกกิจกรรมทำความรู้จักกันผ่านการทำแผนที่ทางความคิด(Mind mapping) เกี่ยวกับตนเอง โดยให้แต่ละคนทำสรุปข้อมูลตนเองก่อน


จากนั้นก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอ่าน พร้อมทั้งพูดคุย ซักถามข้อมูลอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแผนที่ความคิดนั้น









จากการทำกิจกรรมในวันนั้น ทำให้เพื่อนครูได้รู้จักกันมากขึ้น
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวเข้าหากัน รู้เขา รู้เรา เรียนรู้ซึ่งกันและ
กัน

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรียนรู้


การเรียนรู้ คือ หัวใจสำคัญของการพัฒนา

เรียนรู้จากอะไรบ้าง

ตา สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา

หู ฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ

จมูก ดมกลิ่น รับรู้กลิ่น

ปาก รับรู้รสชาติของอาหาร

กาย ผิวสัมผัสสิ่งต่างๆ

ใจ เปิดรับ เปิดกว้างและไม่มีอคติ

โรงเรียนกาละพัฒน์ ได้พัฒนาความเป็นองค์กรผ่านการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายด้วย

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คุณครูคนใหม่ (คุณครูแจ๋ว)


ชื่อ นางสาวสุพารัตน์
สกุล บุญเที่ยง
ชื่อเล่น ครูแจ๋ว
วันเกิด 30 เมษายน 25519

ภูมิลำเนา บ้านหนองดู่ 2 หมู่ 10 ต.บ้านยาง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา

ประวัติการศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านหนองดู่ จังหวัดนครราชสีมา
มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนช่องแมววิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา
มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ครุศาสตร์บัณฑิต สาขาการศึกษาปฐมวัย สถาบันราชภัฎจันทรเกษม
การศึกษามหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการให้คำปรึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ประวัติการทำงาน
ปี พ.ศ. 2541 - 2545 โรงเรียนรุ่งอรุณ จังหวัดกรุงเทพฯ ระดับอนุบาล
ปี พ.ศ.2545 -ปัจจุบัน
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์ ระดับอนุบาลและประถมศึกษา

แนวคิดในการทำงาน
ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เตรียมกายและเปิดใจให้พร้อมสำหรับ"การเรียนรู้"

คุณครูคนใหม่ (คุณครูภา)


ชื่อ นางสาวกัญญารัตน์
นามสกุล เสนาวิจิตรกุล
ชื่อเล่น ครูภาค่ะ
วันเกิด 15 มิถุนายน 2524
ภูมิลำเนา 64 หมู่ 1 ต.ตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ 33140
การศึกษา - วท.บ.วิทยาศาสตร์สุขภาพ(การส่งเสริมสุขภาพเด็ก) สถาบันราชภัฏสุรินทร์
- ประกาศนียบัตรบัญฑิตวิชาชีพครู วิทยาลัยราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี
การทำงาน มีประสบการณ์ในการสอนนักเรียนอนุบาล 5 ปี จ.นนทบุรี

คุณครูคนใหม่ (คุณครูแทน)



ชื่อ น.ส.วชิรปราณี
นามสกุล คล้ายพงษ์
ชื่อเล่น ครูแทน
วันเกิด 8 กรกฎาคม 2529

ภูมิลำเนา 56/39 หมุ่บ้านศุภลัยซิตี้ รีสอร์ท ถนน เทพกษัตรี ตำบลรัษฎา
อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000

ประวัติการศึกษา
ประถม โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา ภูเก็ต
มัธยม โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา ภูเก็ต
ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษา ภูเก็ต สาขาอุตสาหกรรมการท่องเทียวและการโรงแรม
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เอก การท่องเที่ยว

แนวคิดในการทำงาน
....มีคำถามว่า เรามีไก่อยู่หนึ่งตัว จะทำยังไงให้ไก่ตัวนี้กินได้นานมากที่สุด
......คำตอบของแทนคือ เอาไปทำต้มยำไก่ แล้วเอาไปแจกให้ทุกคน แล้ววันหนึ่งจะมี ต้มยำไก่ ไก่ย่าง ไก่ทอด ฯลฯ กลับมาหาเราเอง....
เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็ต้องรู้จักการให้ ให้ในทุกเรื่องที่เราสามารถให้ได้โดยที่ไม่เดือดร้อนตัวเรา และผู้อื่น แล้วไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข.......

คุณครูคนใหม่ (คุณครูตาล)




ชื่อ นางสาววชิราภรณ์
นามสกุล แก้วเงือก
ชื่อเล่น ครูตาล
วันเกิด 2 กรกฏาคม 2529


ภูมิลำเนา 37/38 หมู่ 3 ตำบลเกาะแก้ว ถนนเทพกระษัตรี อำเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000

ประวัติการศึกษา ชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านสะปำ "มงคลวิทยา" จังหวัดภูเก็ต
มัธยมศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สาขานาฏศิลป์ไทย (เกียรนิยมอันดับ 2)

ประวัติการทำงาน คุณครูสอนวิชานาฏศิลป์ที่โรงเรียนอนุบาลนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พนักงาน Greeter ธนาคารกสิกรไทย









โรงเรียนกาละพัฒน์ ณ ภูเก็ต

โรงเรียนกาละพัฒน์เกิดจากความตั้งใจของคุณหมอก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ที่ต้องการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดภูเก็ต ผนวกกับการศึกษาของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นต้นแบบของการศึกษา
จึงเกิดการทำงานร่วมกัน เพื่อจัดตั้งโรงเรียนกาละพัฒน์ขึ้น โดยเริ่มจากการเลือกสถานที่ตั้ง

วันที่ 22 ตุลาคม 2553 เดินไปจังหวัดภูเก็ตเพื่อดูสถานที่สำหรับก่อสร้างโรงเรียนกาละพัฒน์